อาคารใบหยก 2 (Baiyoke 2 Tower)
อาคารโตเกียว สกาย ทรี (Tokyo Sky Tree Tower)
อาคารไทเป 101 (Taipei 101)
อาคารเบิร์จ คาลิหาร์ (Burj Khalifa)
Wind – Resistant Design of High - Rise Buildings.
การออกแบบอาคารสูงต้านทานแรงลม. การลดผลของแรงลม ของอาคารสูงด้วยวิธีต่าง ๆ
วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
บทที่ 6
สรุปผลการศึกษาและข้อเสนอแนะ
ตึกสูงในปัจจุบันนั้นล้วนแต่มีการพัฒนาด้านโครงสร้างที่ทันสมัย และมีความสูงชะลูด เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ก็มีการทำอาคารที่สูงขึ้น ทั้งที่เพื่อเป็นที่พักอาศัย ทำธุรกิจ หรือ อสังหาริมทรัพย์ ด้วยค่าที่ดินที่สูงขึ้นในย่านเศรษฐกิจ ทำให้การก่อสร้างอาคารต้องทำในทิศสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้อาคารสูงมีผลกระทบอย่างยิ่งต่อแรงกระทำทางด้านข้าง ซึ่งก็คือ แรงลม
บทที่ 5
มาตรฐานการคำนวณแรงลมและการตอบสนองของอาคาร
กฎกระทรวงฉบับที่6 (พ.ศ. 2527) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ข้อ 17 ในหมวดแรงลม ได้กำหนดค่าหน่วยแรงลมที่กระทำกับอาคารเปลี่ยนแปลงตามความสูงของอาคารแต่เพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่เกิดจากปัจจัยอื่น เช่น ตำแหน่งที่ตั้งของอาคารว่าอยู่ในเขตที่มีความเร็วลมอ้างอิงและลักษณะภูมิประเทศที่แตกต่างกัน เป็นต้น ดังนั้นกรมโยธาธิการและผังเมือง จึงได้ดำเนินการให้สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นที่ปรึกษาจัดทำมาตรฐานว่าด้วยการคำนวณแรงลมและการตอบสนองของอาคารสำหรับประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับมาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานแรงลมภายในประเทศไทยให้ทันสมัยและมีความถูกต้องสมบูรณ์ทัดเทียมกับมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการทำให้มาตรฐานวิชาชีพเป็นที่ยอมรับในประชาคมวิชาชีพระหว่างประเทศในยุคโลกาภิวัฒน์ มาตรฐานฉบับใหม่นี้ได้คำนึงถึง ความเร็วลมอ้างอิงในเขตต่างๆ ลักษณะภูมิประเทศ รูปร่างของอาคาร และคุณสมบัติทางพลศาสตร์ของอาคาร ซึ่งเป็นรูปแบบของมาตรฐานการคำนวณแรงลมที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล (กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย, 2550)
บทที่ 4
การควบคุมการสั่นไหวของโครงสร้างโดยการเพิ่มความหน่วง
บทที่ 3
ระบบโครงสร้างอาคารสูงประเภทต่าง ๆ
ความสูงของอาคารในแต่ละระดับจะมีการออกแบบที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ในการออกแบบจะต้องคำนึงถึงความสามารถในการรองรับผลของแรงกระทำในแนวราบและแรงที่กระทำในแนวดิ่ง ซึ่งแรงกระทำในแนวดิ่งคือ น้ำหนักที่เกิดจาก เสา ผนัง กำแพง ของแต่ละชั้นและจะมีความผันแปรไปตามสัดส่วนของความสูงอาคาร ส่วนแรงกระทำทางด้านข้างเกิดจากแรงที่กระทำโดยลมหรือแรงที่เกิดจะการเกิดแผ่นดินไหว เมื่อเปรียบเทียบน้ำหนักของอาคารที่ใช้สำหรับรับแรงกระทำในแนวดิ่งและแนวราบ จะพบว่าอาคารที่มีความสูงต่ำถึงปานกลาง ผลของแรงกระทำในแนวราบจะมีผลน้อยมากๆ ซึ่งการเลือกใช้ระบบในการก่อสร้าง โครงสร้างสมควรจะสอดคล้องกับระดับความสูงของอาคารเพราะจะช่วยในการลดน้ำหนักของโครงสร้างอาคาร
วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
บทที่ 2
การปรับแต่งรูปทรงอาคารสูง เพื่อลดผลของแรงลม
แรงลมจะส่งผลกระทบต่ออาคารสูงมากกว่าอาคารเตี้ย เนื่องจากแรงลมจะมากขึ้นเมื่อความสูงเพิ่มขึ้น การออกแบบอาคารต้านแรงลมเราต้องทราบความเร็วลมสูงสุดเพื่อนำมาใช้ออกแบบแรงลมซึ่งสามารถหาได้จาก แรงลมของแต่ละที่ตั้งจะถูกใช้ในการประมาณการลมที่รุนแรงที่สุดที่จะกระทำต่ออาคารในแต่ละที่ตั้งนอกจากจะขึ้นอยู่กับความเร็วลมกับความสูงแล้ว รูปทรงของอาคารก็มีผลอย่างสูงต่อแรงกระทำของลม และยังต้องคำนึงถึงผลของลมที่ส่งผลกระทบมาจากอาคารรอบๆด้วย ในกรณีอาคารมีความแข็งของโครงสร้างต่ำจะทำให้เกิดการไหวเอนของส่วนยอดอาคารสูงอันเนื่องมาจากแรงลมทำให้ผู้อาศัยภายในอาคารเกิดความไม่สบาย ในบางครั้งอาจจะไม่สามารถสังเกตได้จากการมอง แต่จะก่อให้เกิดความไม่สบายแก่ผู้อาศัยในอาคารสูง
อาคารจึงควรมีความแข็ง (Stiffness) มากพอที่จะฝืนไม่ไห้เกิดการไหวมากไปกว่า 1/500 ของความสูงอาคาร ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า อาคารที่สูงกว่า 1,500 ฟุต สามารถไหวได้ที่ 3 ฟุต ดังนั้นทางที่จะป้องกันการไหวเอนของอาคารสูงคือ การเสริมโครงสร้างให้มีความแข็งตัวทางตั้งมากขึ้น
วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
บทที่ 1
ความสำคัญของปัญหา
ลมจะเกิดการเคลื่อนที่และเกิดความเร็วลม จึงทำให้ส่งผลกระทบต่อองค์อาคารที่มีการออกแบบให้มีความสูงและ Slender ซึ่งจะทำให้เกิดการแอ่นตัว (Deflection) หากออกแบบมาโดยไม่คำนึงถึงแรงลมนั้นจะทำให้ ผู้ใช้อาคารรู้สึกไม่ปลอดภัยต่อการใช้อาคารและทำให้ส่งผลกระทบต่อประโยชน์ใช้สอยของอาคาร
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)